อยากซื้อรถใหม่ต้องรู้! ความแตกต่าง “เครื่องยนต์ดีเซล” กับ “เครื่องยนต์เบนซิน” แบบไหนดี?
สำหรับใครที่อยากซื้อรถใหม่เป็นของตัวเองต้องมาทางนี้! เพราะวันนี้เราจะมาพูดถึงส่วนประกอบสำคัญของรถยนต์กันอย่างเครื่องยนต์ว่าคืออะไร หลายคนคงเคยได้ยิน “เครื่องยนต์ดีเซล” กับ “เครื่องยนต์เบนซิน” กันมาบ้างแล้ว เพราะนี่คือเครื่องยนต์ 2 ประเภทที่ต้องทำความรู้จักก่อนซื้อรถคันใหม่ แต่เชื่อเลยว่าส่วนใหญ่คงยังไม่ว่าทั้งสองประเภทนี้แตกต่างกันอย่างไรแน่นอน ว่าแล้วเราก็มาหาคำตอบไปพร้อมๆ กันเลย
เครื่องยนต์ดีเซลทำงานยังไง?
เครื่องยนต์ดีเซลและเครื่องยนต์เบนซินส่วนใหญ่แล้วจะมีระบบเครื่องยนต์ในการเผาไหม้แบบ 4 จังหวะเหมือนกัน คือ การดูด, อัด, ระเบิดและคายไอเสีย แต่สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลนั้นที่เป็นเครื่องยนต์สันดาปภายใน ในขั้นตอนของการระเบิด จะใช้อากาศที่ถูกอัดเข้าไปรวมกับน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซลที่ความดันสูงจนสามารถติดไฟได้เพื่อทำให้ความร้อนสูงขึ้น ส่งผลทำให้เกิดการระเบิดและการเผาไหม้ภายในส่งไปเป็นพลังให้กับส่วนต่างๆ ของรถยนต์ เรียกว่าเป็นเครื่องยนต์ที่มีความสามารถในการเผาไหม้สูง ไม่ต้องใช้เชื้อเพลิงมากก็ขับเคลื่อนได้
เครื่องยนต์เบนซินทำงานยังไง?
ฝั่งเครื่องยนต์เบนซินก็มีจุดเด่นไม่แพ้กับเครื่องยนต์ดีเซล แม้จะมีการเผาไหม้แบบ 4 จังหวะเช่นกัน แต่การทำงานของเครื่องยนต์ชนิดนี้ในขั้นตอนการจุดระเบิดนั้นจำเป็นต้องมีหัวเทียนเพื่อเป็นตัวจุดประกายไฟเสียก่อน การสันดาปภายในของเครื่องยนต์เบนซินจะเกิดขึ้นในกระบอก ทำงานเป็น Cycle การทำงานขั้นตอนการระเบิดต้องใช้อากาศ, หัวเทียนและเชื้อเพลิงถึงจะเผาไหม้และส่งเป็นพลังงานไปยังชิ้นส่วนต่างๆ ในการขับเคลื่อน
ความแตกต่างของ “เครื่องยนต์ดีเซล” และ “เครื่องยนต์เบนซิน”
- ทางเลือกในการใช้เชื้อเพลิง : เครื่องยนต์ดีเซลสามารถใช้ได้เพียงน้ำมันดีเซลเท่านั้น แต่สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน นอกจากน้ำมันเบนซินแล้วก็ยังมีน้ำมันแก๊สโซฮอลที่สามารถใช้แทนกันได้ เมื่อแตกออกมาเป็นประเภทเพิ่มเติมแล้ว ก็จะมีตัวเลือกเยอะกว่าในการเลือกใช้
- ลักษณะน้ำมัน : เครื่องยนต์ดีเซลที่ใช้เชื้อเพลิงน้ำมันดีเซลจะมีลักษณะน้ำมันที่มีความหนาแน่นสูง ต่างกับเครื่องยนต์เบนซินที่น้ำมันเบนซินหรือแก๊สโซฮอลนั้นจะมีความเบาและสม่ำเสมอกว่าในการระเหย
- ขั้นตอนการจุดระเบิดภายในเครื่องยนต์ : จากขั้นตอนการทำงานของเครื่องยนต์ทั้งสองชนิด ถึงจะเป็นการเผาไหม้ภายในแบบ 4 จังหวะเหมือนกัน แต่ก็เห็นได้ว่าขั้นตอนการจุดระเบิดภายในเครื่องยนต์นั้นแตกต่างกันอย่างมาก เครื่องยนต์ดีเซลไม่ต้องอาศัยหัวเทียนในการจุดระเบิดแต่สำหรับเครื่องยนต์เบนซินถ้าหากขาดหัวเทียนไปก็ไม่อาจใช้งานได้
- ความซับซ้อนของชิ้นส่วนเครื่องยนต์ : เครื่องยนต์ดีเซลอาศัยเทอร์โบชาร์จในการเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเคลื่อน ช่วยทำให้มีความทนทานสูง มักจะต้องใช้ชิ้นส่วนที่มีความแข็งแรงมากในการผลิต ทำให้มีน้ำหนักมาก ต่างกับเครื่องยนต์เบนซินนั้นมีความซับซ้อนน้อยกว่าในเรื่องของชิ้นส่วน ทำให้เครื่องยนต์มีน้ำหนักเบา แต่ก็อาจมีปัญหาจุกจิกเกิดขึ้นได้มากกว่าในขั้นตอนการระเบิด เป็นต้น
- เสียงเครื่องยนต์ : เครื่องยนต์ดีเซลมีข้อเสียใหญ่ๆ เลยคือการมีเสียงเครื่องยนต์ที่ดัง แม้ปัจจุบันจะมีนวัตกรรมเข้ามาช่วยเหลือ แต่เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์เบนซินก็ยังเสียงดังกว่าอยู่ดี
- ความเหมาะสมในการใช้งาน : เครื่องยนต์ดีเซลเหมาะกับรถที่เน้นเรื่องการบรรทุกหรือลากจูง ลากรอบได้มากกว่า พละกำลังสูงกว่เครื่องยนต์เบนซินที่มีแรงบิดรอบต่ำ
ดังนั้นในการเลือกว่าจะใช้เครื่องยนต์ดีเซลหรือเครื่องยนต์เบนซิน คุณจะต้องดูถึงความต้องการของตัวเองเสียก่อน เพราะเครื่องยนต์แต่ละแบบก็มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป สำหรับคนที่ต้องการประหยัดเงินในระยะยาวมักจะใช้เป็นเครื่องยนต์ดีเซลมากกว่าเนื่องจากใช้ได้ในระยะทางมากกว่าอีกทั้งยังมีนวัตกรรมต่างๆ ที่เข้ามาช่วยในเรื่องของการเผาไหม้ ทำให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าแต่ก่อน ทั้งนี้นอกจากการทำความเข้าใจเรื่องเครื่องยนต์แล้ว เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ก็เป็นอีกตัวช่วยในการคุ้มครองคุณบนท้องถนน หากคุณยังไม่รู้จะเลือกใช้บริการประกันรถยนต์ของเจ้าไหนดี เรา Rabbit care ได้รวบรวมประกันรถยนต์ชั้นนำในประเทศไทยมาให้คุณเลือกแล้วที่ https://rabbitcare.com/car-insurance